วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การประเมินการอาจารย์ผู้สอนวิชานี้

ห้นักศึกษาเขียนประเมินอาจารย์ผู้สอนในประเด็นดังนี้

1.ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชานี้
ตอบ   1.ได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของครูมากขึ้น
          2, ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน เช่น การจัดทำบล็อก ,เรียนรู้การใช้โฟโต้ช๊อบ , การออกพื้นที่ไปสัมภาษณ์ครูในดวงใจ เป็นต้น
          3. ได้ฝึกความคิด การสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องเหมือนคนอื่น

2.การนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนนักศึกษาเห็นว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
ตอบ   ข้อดีของการนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้
              1. สะดวกรวดเร็วในการทำงาน ทำเมื่อไหร่ก็ได้
              2. มีความรับผิดชอบในการทำงานของตนเองให้เสร็จ
              3. ได้ทำในสิ่งใหม่ๆ สนุกในการทำงาน
          ข้อเสียของการนำเทคโนโลยีบล็อกมาใช้
               ในบางเวลาเครือข่ายอินเทอร์เน็ตอาจไม่พร้อมต่อการดำเนินงาน

3.บอกความรู้สึกต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้เว็บบล็อก
ตอบ สนุกดีค่ะ ได้ทำอะไรเเปลกใหม่

4.ถ้าประเมินอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ เกรด A,B,C จะให้ระดับใด เหตุผล
ตอบ ให้ A ค่ะ เพราะอาจารย์มีความขยันมากๆ หาเนื้อหาความรู้มาให้พวกเราเยอะมาก

ครูดีในดวงใจ


          คนใจดีรักเเท้เหมือนแม่พ่อ    คนชอบก่อกิจกรรมน่าสุขสันต์
 คนห่วงหาอาทรสารพัน                คนที่กันและเเก้ไม่แง่งอน
 ครูดีในดวงใจใครเล่ารู้                  ศฺิษย์ซึ้งอยู่ภูมิใจท่านได้สอน
 ให้ความรู้เมตตาทุกบทตอน        เอี้ออาทรศิษย์รักอย่างจริงใจ



ประวัติของอาจารย์
     ชื่อ นางข้องทิพย์ มีเเก้ว
   ที่อยู่  147 หมู่ 9 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช 80350
   เกิดวันที่ 11  ตุลาคม  2513        อายุ  45  ปี
   email  khongthip_tian@hotmail.com
   ตำเเหน่ง ครู    วิทยฐานะ  ชำนาญการ
   วุฒิการศึกษาสูงสุด  ปริญญาโท       วิชาเอก ก.ศม. ภาษาไทย
   ปัจจุบันสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6  สถานศึกษาโรงเรียนคีรีราษฏร์พัฒนา

ประวัติการศึกษาของอาจารย์
   จบปริญญาตรีจาก  มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม
   จบปริญญาโทจาก  มหาวิทยาลัยทักษิณ สงขลา

อุดมคติของการเป็นครู
       ต้องคำนึงถึงบทบาทหน้าที่อยู่เสมอว่า ครูต้องมีบทบาทของครูต้องพยายามที่จะทาให้ลูกศิษย์เรียนด้วยความสุขเรียนด้วยความเข้าใจ และเกิดความมานะ พยายามที่จะรู้ในศาสตร์นั้น ครูจึงต้องตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะศึกษาวิชาการทั้งทางศาสตร์ที่จะสอนศาสตร์ที่จะถ่ายทอดหรือวิธีการสอน ครูต้องพยายาม ที่จะหาวิธีการใหม่ ๆ มาลองทดลองสอน ไม่ใช่เก็บกักความรู้เพื่อนาไปสอนพิเศษ

ปรัชญาของการเป็นครู
่่่่       ครู คือผู้ให้ ผู้เติมเต็ม และผู้มีเมตตา

สาเหตุที่อยากเป็นครู///
       อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีคนเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก ครูเปรียบเสมือนผู้นำแสงสว่างมาสู่ลูกศิษย์ เป็นผู้มีแต่ให้ ทั้งให้ความรู้ ความรัก ความเมตตา คำปรึกษา คำแนะนำ ทั้งยังอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดี คนเก่ง ให้รู้จักทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีไปพร้อมๆกัน

เทคนิควิธีการสอน
      เน้นให้นักเรียน เรียนรู้ด้วยการลงมือปฎิบัติ  ให้มีประสบการณ์  ส่งเสริมให้ทำงานเป็นกลุ่ม ให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็นและยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน และ มีการตอบสนองความต้องการของนักเรียนด้วยความสนใจกระตือรือร้นในการทำกิจกรรมต่าง ๆ




ความรู้สึกดีๆๆที่มีต่อ ครู

         วันเเรกที่ได้รับงานชิ้นนี้มา ภาพของอาจารย์ ก็ลอยขึ้นมาเลยค่ะ สำหรับหนูเเล้วอาจารย์เป็นทั้งเเม่ เป็นทั้งอาจารย์ เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน พร้อมๆกัน   อาจารย์เป็นที่ปรึกษาที่น่ารักมาก คอยให้คำปรึกษาเวลาที่หนูมีปัญหา  คอยดุด่าเวลาที่หนูทำผิด เเละหนูก็มักจะทำผิดบ่อยๆ จนอาจารย์ด่าเป็นไฟเเลบเลย    อาจารย์มักจะบอกเสมอว่า  ''เฟียอย่าใจร้อนนะ ทำอะไรให้คิดดีๆๆก่อน'' คำๆนี้หนูได้ยินบ่อยมากกกกกก จนจำขึ้นใจเรยค่ะ  หนูอยากบอกอาจาย์ว่า  หนูรักเเละคิดถึงอาจารย์มากนะค่ะ



วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทดสอบกลางภาค


        ให้นักศึกษาทำข้อสอบต่อไปนี้ ลงในบล็อกของนักศึกษา 20 คะแนน

1.การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ การศึกษาไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน เป็นยุคที่มีการจัดการศึกษายังไม่เป็นระบบและแบบแผน คือ ไม่มีระบบโรงเรียน และชั้นเรียน เเต่จะมีวัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบอาชีพ วิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ เเต่จะใช้ใช้ความสามารถในการท่องจำมากกว่า        

2.สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยาจัดการศึกษาเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ เหมือนกัน เพราะยังมีการใช้วัดเพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา  และยังมีพระภิกษุเป็นผู้ให้ความรู้  ผู้ชายจะเรียนที่วัด เกี่ยวกับ การอ่าน การเขียน การรบ ส่วนผูหญิงเรียนที่บ้าน เกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย

3.อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการจัดการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง
ตอบ มีอิทธิพลคือ ฝรั่งชาติตะวันตกทำ การค้าขายและเผยแพร่ศาสนา มีการจัดตังโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรกรับวิชาการแบบยุโรปและแต่งแบบเรียนคือ จินดามณี เล่มแรกของไทย

4.การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการเปลี่ยนแปลงไมเด่นชัด ชาวบ้านที่มีฐานะดีและข้าราชการ นิยมส่งบุตรหลานไปศึกษาเล่าเรียนที่วัด และการจัดการศึกษาตอนต้นรัตนโกสินทร์ เริ่มนําวิทยาการใหม่ๆ จัดพิมพ์ตําราเรียนเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมัยต่อไป

5.แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่ออะไร เกิดขึ้นในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ ชื่อ “ จินดามณี”  เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประมาณ พ.ศ.2199 – 2231  มีที่มาจากการที่ ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก และสอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง พระองค์เกรงว่าคน ไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่ง  ทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แตงหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็น ของตนเอง ชื่อ “จินดามณี” ใช้เริ่มอ่านจนกระทั่งหัดเรียนรู้วรรณคดีและอักษรศาสตร์ไทยชั้นสูง

6.การจัดการศึกษาภาคบังคับมีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย และให้เหตุผล
ตอบ การศึกษาแบ่งออกเป็นสองภาคคือ ภาคการศึกษาสำหรับทวยราษฎร์ ได้แก่ ประถมศึกษา เป็นการศึกษาภาคบังคับ มีความรู้ทั้งฝ่ายสามัญศึกษาและวิสามัญศึกษา มีจุดมุ่งหมายเพื่อรับผิดชอบชั่วดี นำวิชาไปประกอบอาชีพและการเป็นพลเมืองดี และภาคศึกษาพิเศษ เรียกว่ามัธยมศึกษา เรียนทั้งสามัญและวิสามัญ ไม่บังคับให้เรียนทุกคน ขึ้นอยู่กับทุนทรัพย์และสติปัญญาของผู้เรียน

7.การศึกษาที่เรียกว่ามาติกาศึกษาเป็นอย่างไร จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัดเหมือนสมัยอยุธยา ซึ่งการจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา มีอยู่ 8 มาติกา คือ
1 ตำบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งของวัด
2 โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์ ศาลาการเปรียญ กุฏิและวิหาร
3 นักเรียนและครู มี 3 ประเภทคือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
4 เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
5 เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายและปากกาไม้ไผ่ เป็นต้น
6 วิชาหนังสือคือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
7 วิชาเลขคือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
8 ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย

8.การศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ  รัชกาลที่ 5 เพราะ จะได้ทัดเทียมประเทศอื่นเพื่อที่จะไม่ล้าหลัง และเป็นการป้องกันการล่าอาณานิคมจากชาติตะวันตก

9.การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบายและยกเหตุผล
ตอบ  รัชกาลที่ 5 เพราะ จะได้ทัดเทียมประเทศอื่นเพื่อที่จะไม่ล้าหลัง และเป็นการป้องกันการล่าอาณานิคมจากชาติตะวันตก

10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาสู่ยุคสมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอะไรบ้าง
ตอบ .ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน จัดทำคู่มืออาเซียน ทำหลักสูตรอาเซียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา พัฒนาศักยภาพของนักการศึกษา ครู และบุคลากรทางการศึกษา
         ยุทธศาสตร์ที่ 2 คุณภาพและโอกาสทางการศึกษา สร้างโอกาสทางการศึกษาระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา บรรลุเป้าหมายเพื่อปวงชน ปีพ.ศ.2558 และเพิ่มคุณภาพการศึกษาการจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพครู
         ยุทธศาสตร์ที่ 3 เคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนและการจัดการศึกษาให้มีความเสมอภาค จัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์
        ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรรายสาขาอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษา สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม การจัดการความเสี่ยงและภัยพิบัติ การจัดการศึกษาเพื่อสิทธิมนุษยชน การจัดการศึกษาเพื่อป้องกันโรคเอดส์เป็นต้น


การศึกษาโลก

การศึกษาในประชาคมอาเซียน

1.ชื่อเรื่อง คุยกับดำรง มาตรฐานการศึกษาไทย
       1.1ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    ผลการจัดอันดับของ "World Economic Forum- 2013-2014" ต่อระบบการศึกษาไทย ประเทศไทยได้อันดับที่8 ซึ่งเป็นอันดับเกือบสุดท้ายของอาเซียน โดยประเทศสิงคโปร์เป็นอันดับที่ 1 ของอาเซียน โดยประเทศสิงคโปร์จะเน้นงบประมาณการศึกษาเป็นอันดับที่1 แต่ประเทศไทยนำงบประมาณของประเทศไปทำอย่างอื่น ทำให้งบประมาณการศึกษาอยู่ที่อันดับ 9
       1.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศไทยควรจัดสรรงบประมาณการศึกษาให้เกิดประโยชน์มากกว่าเดิม โดยอาจส่งเสริมให้เด็กได้เรียนหนังสืออย่างมีคุณภาพอย่างแท้จริง

2.ชื่อเรื่อง การขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ประชาคมอาเซียน
       2.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    ดร.สุรินทร์ บอกให้คนไทยต้องเตรียมตัวเองเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ใน 4 ด้าน การปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีมอง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างที่หลากหลาย ภาษา ความสามารถในการสื่อสาร โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษากลางของ AEC ในอนาคต 
      2.2 การเปิดอาเซียนของประเทศไทยควรมีพื้นฐานในหลายด้านที่มั่นคงก่อน เพื่อเป็นมาตรฐานของประเทศที่กำลังพัฒนาให้เป็นประเทศเจริญทางการศึกษาปัจจุบันนี้

3.ชื่อเรื่อง การศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน ตอน 1
       3.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
    การเตรียมความพร้อมของรัฐบาลในเชิง คือ กระทรวงศึกษาธิการได้รองรับการเตรียมความพร้อมของอุดมศึกษาไทยในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยที่ผ่านนโยบายที่รองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในการนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งควรมีนโยบายในการปรับตัวและการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแก่มหาวิทยาลัยในประเทศไทย
ข้อคิดที่ได้  
      3.2  การที่จะพัฒนาการศึกษาได้นั้นผู้ที่มีอำนาจทางการเมืองควรหันมาสนับ
สนุนการศึกษาไทยมากกว่าการคอร์รัปชั่นเพื่อตัวเอง
\
4.ชื่อเรื่อง การศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน ตอน 2
    4.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    ประเทศไทยจะต้องใช้ความต่อเนื่องของนโยบาย ต้องใช้ความทุ่มเท ต้องใช้สมรรถภาพของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ  คือ ความสามารถในการแข่งขัน การพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ เพราะปัญหาภายในของประเทศไทยที่เปลี่ยนนโยบาย ไม่มีความต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีเวลาเตรียมตัวเพื่อได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งที่ฐานอื่นดีกว่าคนอื่น
    4.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศไทยมีเวลาเตรียมตัวได้เยอะ ถ้ารู้จักตื่นตัวทุกเวลาที่จะพัฒนาความสามารถให้ถึงเป้าหมายของมาตรฐานสากล

5.ชื่อเรื่อง การศึกษาในประเทศสิงคโปร์
     5.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
    สิงคโปร์ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาของคนในชาติเป็นอย่างมากซึ่งระบบการศึกษาของสิงคโปร์เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก โดยสิงคโปร์ประกาศว่าจะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษามาตรฐานโลกโดยจะให้โอกาสเท่าเทียมกันในด้านการศึกษาเป็นพื้นฐานและจะดึงดูดคนต่างประเทศเข้ามาเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยโดยรัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา
      5.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่รู้จักการวางแผนปรับปรุงการศึกษาเสมอให้ล้ำหน้าโลก ทำให้สิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่ดีของโลกเป็นอันดับที่ 3

6.ชื่อเรื่อง การศึกษาในเประเทศวียดนาม
      6,1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    ระบบการศึกษาและปัญหาการศึกษาของเวียดนามมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทย โดยการจัดการศึกษาของเวียดนามมีการแบ่งเป็นสายสามัญกับสายอาชีพเช่นเดียวกับไทย การศึกษาของเวียดนามเน้นการท่องจำให้เก่ง เพื่อไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยแต่พอจบมาคนเหล่านี้จะทำให้เกิดปัญหาประชาชนว่างงานล้นประเทศเวียดนาม ดังนั้นเวียดนามจึงเร่งการแก้ไขปัญหาการศึกษาเช่นเดียวกัน
      6.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศไทยควรนำข้อบกพร่องของประเทศอื่นมาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขประเทศตนเองให้ก้าวหน้ามากขึ้นและมีประสิทธิภาพด้วย

7. ชื่อเรื่อง การศึกษาในประเทศลาว
     7.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    ประเทศลาวมีปัจจัยพื้นฐานแห่งการเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมและทันสมัย เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น แต่ต้องยึดการศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เร่งดำเนินการปฏิรูประบบการศึกษาแห่งชาติให้มีคุณภาพ และมีมาตรฐานสูงขึ้น โดยมุ่งเน้น “ สร้างคนลาวให้เป็นพลเมืองดี มีการศึกษา
     7.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศควรมีนโยบายส่งเสริมการศึกษาไทย โดยเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กไทยรักการเรียนรู้

8.ชื่อเรื่อง การศึกษาในประเทศมาเลเซีย
      8.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
    รัฐบาลของประเทศมาเลเซียต้องการพัฒนามาเลเซียให้เป็นศูนย์กลางของความเป็นเลิศทางด้านการศึกษาในภูมิภาคนี้โดยมีการวางแผนพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ผลของการพัฒนาเห็นได้ชัดจากการที่มีนักเรียนต่างชาติเดินทางเข้ามาศึกษาที่ประเทศมาเลเซียสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ ในปัจจุบันมีนักเรียนนักศึกษาต่างชาติมากถึง 50,000 คนจากประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงความพร้อมของการศึกษาระดับนานาชาติที่มีคุณภาพ ประกอบกับหลักสูตรที่มีความหลากหลายเป็นที่ยอมรับ และมีราคาที่เหมาะสมด้วย
     8.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศมาเลเซียมีความพยายามที่พัฒนาประเทศตนเองให้เป็นเลิศทางวิชาในภูมิภาคอาเซียน

9.ชื่อเรื่อง การศึกษาในประเทศอินโดนีเซีย   
    9.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
    การศึกษาอินโดนีเซียไม่มีแผนการเรื่องการแข่งขันกับนานาชาติ หรือการจะเป็นฮับการศึกษาอินเตอร์ในภูมิภาคนี้ เพราะการเป็นชาติระดับแนวหน้าของโลกมุสลิม ทำให้ค่อนข้าง ไม่ให้ความสำคัญกับตะวันตก โดยเฉพาะเรื่องการสนับสนุนด้านภาษาต่างประเทศ ในทางกลับกันอินโดนีเซียมักให้น้ำหนักไปที่การศึกษาในเชิงศาสนาอิสลามและจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งทางด้านการศึกษาของอินโดนีเซียก็คือ การเน้นการศึกษาวิชาชีพให้กับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา
    9.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาภาษาอาหรับมากกว่าภาษาอังกฤษ โดยไม่เน้นการปฏิรูปแบบเร่งด่วนเท่าประเทศไทย
\
10.ชื่อเรื่อง การศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์
    10.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
    ประเทศฟิลิปปินส์ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ทันสมัยในอาเซียน เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการศึกษาที่สำคัญในเอาเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจาก ประเทศฟิลิปปินส์มีหลักสูตรการศึกษาอันทันสมัยแบบเดียวกับสหรัฐอเมริกาและการศึกษาในรูปแบบอเมริกานี้มีส่วนช่วยให้เกิดการตื่นตัวทางสังคมและเกิดปัญญาชนใน ประเทศฟิลิปปินส์และฟิลิปปินส์ยังใช้รูปแบบการศึกษาแบบอเมริกาในสถานศึกษามาจนถึงปัจจุบัน
   10.2 ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารที่สุดในอาเซียน

11.ชื่อเรื่อง  การศึกษาในประเทศบรูไน
   11.1ข้อสรุปประเด็นที่ได้  
    ประเทศบรูไนไม่มีการศึกษาภาคบังคับ แต่รัฐให้การศึกษาแก่ประชาชนเพื่อมุ่งพัฒนาให้มีความสามารถด้านสติปัญญาและมีความสุข และให้เรียนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บรูไนใช้ทั้งภาษามลายูและภาษาอังกฤษสอนเด็กตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้ภาษามลายูสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม พลศึกษา ศิลปะ ส่วนภาษาอังกฤษใช้สอนวิชาหลัก วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เป็นต้น
   11.2ข้อคิดที่ได้  
    ประเทศบรูไนเป็นประเทศที่สอนให้คนมีความสุขในการเรียนและให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองแบบอิสระ



วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

วิดีโอการศึกษา

        1. ชื่อเรื่อง ผมเกลียดโรงเรียน แต่รักการศึกษา

1.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
       การศึกษาคือกุญแจในการจุดประกายความคิด ให้เราได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ใชการท่องจำข้อมูลในตำรา หรือเรียนเพื่อให้คะแนนและเกรดด้วยการให้นักเรียนท่องจำไปเรื่อยๆมันดีแล้วจริงหรือ? มันเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เรียนของเราจริงหรือ? ทั้งที่ๆสิ่งที่เราต้องจำเหล่านั้น อาจจะไม่ได้นำมาใช้ในอนาคตเลยก็ได้ นอกจากนั้นยังเป็นการปิดกั้นการพัฒนาทางกระบวนการคิดอีกต่างหากซึ่งสิ่งที่บีบให้เราต้องทนจำและทำในสิ่งเหล่านี้ ก็คงไม่พ้น"โรงเรียนและค่านิยมของสังคมในปัจจุบัน" ที่ยังคงอยู่กับความเชื่อเดิมๆที่ว่าการศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลชื่อดังและได้เกรดสูงลิบลิ้วระดับเพดานหุ้นนั้นมันช่างยอดเยี่ยมจริงๆ โดยหารู้ไม่ว่ากระบวนการนี้
 กำลังกัดกร่อนให้เด็กที่จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตนั้นถูกจำกัดความคิดให้เหมือนกับคำตอบของข้อสอบที่มีแค่"ถูก"หรือ"ผิด" เราควรมองออกได้แล้วว่าการบีบบังคับให้นักเรียนทำเกรดและอยู่กับการท่องจำนั้นมันดีแล้วจริงหรือโรงเรียนควรจะเป็นสถานที่เปิดวิสัยทัศน์ทางความคิดของนักเรียนหรือเป็นสถานที่ที่บีบให้เด็กอยู่ในกรอบแคบๆกันแน่...... 

1.2 ข้อคิดที่ได้ 

         ถ้าคุณไม่สร้างฝันของตัวเอง คนอื่นจะจ้างคุณเพื่อไปสร้างฝันของพวกเขาแทน

       

      2. ชื่อเรื่องสตีฟ จ็อบส์

2.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
          คนเราจะเจอเป้าหมายได้นั้นต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง มีศรัทธาในชีวิต มีพลังความกล้างานที่จะทำในสิ่งตนเลือก การเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ที่จะทำให้คุณไม่สิ้นหวัง และจะนำไปสู้สิ่งเปลี่ยนแปลงในชีวิต

1.2 ข้อคิดที่ได้ 

           "อย่ามัวเสียเวลากับการใช้ชีวิต­ของผุ้อื่น อย่ามัวติดอยู่กับกฏเกณฑ์ความเช­ื่อที่ผุ้คนงมงายยึดถือมันเอาไว­้ อย่าปล่อยให้เสียงของคนอื่นดังก­ลบเสียงภายในของตัวคุณเอง และสิ่งที่สำคัญที่สุด จงกล้าที่จะเดินตามหัวใจปราถนา"

 

3.ชื่อเรื่องบิลเกตต์

3.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
       สิ่งที่โรงเรียนไม่ได้สอนคุณ
ข้อที่ ชีวิตของคนเรานั้นไม่เท่าเทียมกัน และไม่ยุติธรรมกับคุณนักหรอกข้อที่ ความสำเร็จที่เกิดจากตัวคุณเองส่วนใหญ่มักเกิดจากความมั่นใจของตัวคุณข้อที่ อย่าหวังว่าคุณจะทำเงินได้ปีละเยอะๆ ล้านทันทีที่เรียนจบข้อที่ ถ้าคุณคิดการเรียนที่น่าเบื่อ ให้ลองไปทำงานแล้วคุณจะรู้การทำงานน่าเบื่อที่สุด   
ข้อที่ การคิดคำสแลงใหม่ไม่ใช่ความผิด  
ข้อที่ จงเรียนรู้ความผิดพลาดอย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่พลาดไปแล้ว   
ข้อที่ ก่อนจะทำเรื่องอะไรใหญ่ๆ ควรเริ่มจากสิ่งเล็กๆก่อนและจงช่วยกันแบ่งเบาภาระของครอบครัว    
ข้อที่ 8  ชีวิตจริงไม่มีอะไรมาตัดสินว่าแพ้หรือชนะ แต่ชีวิตคือการลองผิด หรือ ลองถูก 
ข้อที่ ไม่มีวันหยุดให้เหมือนเรียนหนังสือ เพราะชีวิตให้เวลากับการค้นหาตัวเองเสมอ   
ข้อที่ 10 จงเชื่อสิ่งที่เป็น  เพราะชีวิตจริงไม่ได้เหมือนในละคร
ข้อที่ 11 เราควรเป็นมิตรกับความเนิร์ด แล้วเราจะกายจะเป็นนายของตัวเอง
3.2 ข้อคิดที่ได้ 
       จงพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

      
       4. ชื่อเรื่อง  อิชิตัน
4.1 ข้อสรุปประเด็นที่ได้
          การที่ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องผ่านความลำบากก่อนถึงจะสบายในวันข้างหน้า โดยคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเรา ที่จะฝึกฝนและเรียนรู้อยู่ตลอด ไม่ยอมแพ้ ไม่ประมาท และที่สำคัญเป็นคนดี

4.2 ข้อคิดที่ได้ 

          ล้มเหลว แต่ไม่ล้มเลิก



      


       

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ดาวเด่นของการศึกษา


    1. เรื่อง สัมภาษณ์ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ การเตรียมพร้อมเข้าสู้ AEC

1.1 องค์ความรู้ที่ได้
          ภาพรวมของวีดิโอนี้คือประเทศไทยได้รับประโยชน์ด้านบวกมากกว่าด้านลบจากการ เข้าสู AEC ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางของการกระจายสินค้า หรือการลงทุนทำกิจการต่างๆ และมีความหลากหลายทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางด้านการท่องเที่ยว การเกษตร อุตสาหกรรม เเละอี่นๆ เเต่ประชาชนในประเทศไทยภาษาต่างประเทศยังไม่เเข็.เเรงพอ
1.2 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         การเตรียมพร้อมในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก่อนเปิด AEC
1.3 ข้อคิดที่ได้
          การที่จะพัฒนาสิ่งต่างๆต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมตัว

    2. เรื่อง ประเทศไหนๆก็เร่งพัฒนาคน

2.1 องค์ความรู้ที่ได้
         ภาพรวมของวีดิโอนี้คือ ประเทศไทยเป็นที่มีการตื่นตัวมากที่สุดในบรรดาสมาชิกอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกอบรบบุคคลากร การฝึกภาษาอังกฤษและยังรวมถึง การไปศึกษาดูงานต่างประเทศ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศเพื่อนบ้านทำอยู่
2.2 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          เตรียมตัวให้ตนเองมีความพร้อมในทุกๆด้าน และจะพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
2.3ข้อคิดที่ได้
          การพัฒนาคนนั้นต้องพัฒนาตั้งแต่จุดเล็กๆ และพัฒนาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง

    3. เรื่องดาวเด่นด้านการศึกษาแห่งอาเซียน

3,1 องค์ความรู้ที่ได้
           ภาพรวมของวีดิโอนี้คือ ประเทศไหนๆก็ใช้การศึกษาเพื่อพัฒนาคน ในประเทศอาเซียนทั้งหมดนั้นสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการศึกษาที่ดีที่สุดหนึ่งในนั้นก็อันเนื่องมาจากรัฐบาลสนับสนุนการศึกษา สิงคโปร์มีคุณการศึกษาอยู่อันดับที่ 3 ของโลก สถาบันการศึกษาต่างๆของสิงคโปร์ได้เป็นที่ยอมรับระดับโลก การเรียนการสอนของสิงคโปร์ไม่ได้เน้นวิชาการเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีการเน้นเรื่องคุณธรรมและศิลปะควบคู่กันไปสิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าคนสิงคโปร์มีคุณภาพสูง
3.3 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          จะฝึกตนเองให้เป็นคนที่มีคุณธรรมและศิลปะควบคู่กันไป
3.3 ข้อคิดที่ได้
          การเรียนรู้ไม่ใช่การเรียนรู้ทางด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงสิ่งรอบตัวด้วย

    4. เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนามนุษย์

4.1 องค์ความรู้ที่ได้
          การพัฒนาคนโดยใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือ ซึ่งตอนนี้ทุกประเทศให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ประเทศเวียดนาม นับตั้งแต่เปิดประเทศเศรษฐกิจของเวียดนามก็มีการเติบโตไปอย่างรวดเร็วทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆก็มีการขยายตัวสถาบันการศึกษาจึงรับหน้าที่เหล่านั้นเพื่อป้อนเข้าสู่ระบบ แม้การปฏิรูปการศึกษาเวียดนามอาจใช้เวลาพอสมควรแต่โรงเรียนก็สามารถปรับตัวได้ การเรียนการสอนนั้นเน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางมากขึ้น และมีการออกแบบรูปแบบการสอนใหม่ๆ เพื่อให้เด็กมีการพัฒนากระบวนการคิด
4.2 สิ่งที่นำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
          การทำให้ตนเองมีการพัฒนานั้นต้องมีการพัฒนากระบวนการคิดและรูปแบบการคิดให้เป็นแบบสากลขึ้น
4.3 ข้อคิดที่ได้
          การออกแบบการศึกษาใหม่ๆจะช่วยให้พัฒนาการคิดควบคู่กับวิชาการ

5. เรื่องประเทศไทยอยู่ตรงไหนของอาเซียน

5.1 องค์ความรู้ที่ได้
          การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียนทุกประเทศให้ความสำคัญในการพัฒนามนุษย์และทุกประเทศใช้การศึกษาพัฒนาคน ทุกวันนี้ประเทศไทยมีสัดส่วนผู้รู้หนังสือเกินกว่าร้อยละ 93 เราจึงไม่ต้องกังวลเรื่องของการขยายโอกาสทางการศึกษา แต่ประเด็นที่ควรให้ความสำคัญมากกว่านั้นก็คือ เรื่องของคุณภาพการศึกษา จากรายงานการประชุมเศรษฐกิจโลกตั้งแต่ปี 2012-2013 ชั้นประเมินขีดความสามารถการแข่งขันของแต่ละประเทศ การศึกษาไทยถูกวัดเป็นกลุ่มที่ 8 ไม่รวมลามและพม่า
5.2สิ่งที่นำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง
          พัฒนาความรู้ความสามารถของตนเองให้ดีที่สุด
5.3ข้อคิดที่ได้
          ความสามารถนั้นทุกๆคนต่างก็มีพร้อมกันทุกคนไม่มีคนไหนด้อยกว่าคนไหน แต่ขึ้นอยู่กับว่าทุกคนจะพร้อมไหมในการพัฒนาตัวของบุคคลให้มีประสิทธิภาพ

6. ชื่อเรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (สายสัมพันธ์ไทย-ลาว)

6.1 องค์ความรู้ที่ได้
          ในบรรดาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทยกับต่างประเทศนั้น ลาว หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ถือเป็นประเทศที่มีสายสัมพันธ์กับไทยในลักษณะพิเศษกว่าชาติอื่น เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ด้วยภาษาของตนเอง และมีความคล้ายคลึงทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรม ความร่วมมือกันของทั้งไทยและลาวเพื่อพัฒนาประเทศ ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองฝ่ายเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นแนวทางให้ฝ่ายอื่นๆ ในภูมิภาค รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนหันมาร่วมมือกันเพื่อเผชิญกับสิ่งท้าทายจากภายนอก ทั้งเพื่อเสริมสร้างจุดแข็งและความเจริญโดยรวมให้กับภูมิภาคด้วย
6.2สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
          จะพัฒนาตนให้มีความเป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านให้มากที่สุด
6.3ข้อคิดที่ได้
          รู้ถึงความคล้ายคลึง ทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนาและวัฒนธรรม

7. เรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เยือนถิ่นอิเหนา)

7.1องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ ดังนั้นอินโดนีเซีย จึงเป็นประเทศที่อยู่ในความสนใจมาโดยตลอด เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก แต่ละพื้นที่ของอินโดนีเซียนั้นมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม และการพูดของแต่ละชนเผ่าโดยที่ผ่านมานโยบายเศรษฐกิจของอินโดนีเซียมุ่งเน้นการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมั่นคง
7.2สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
จะนำความรู้ด้านนโยบายมาใช้ในชีวิตประจำวัน
7.3ข้อคิดที่ได้
ประเทศจะพัฒนาเร็วต้องส่งเสริมการบริโภคในประเทศและการลงทุนจากต่างประเทศ

    8.เรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เที่ยวฟิลิปปินส์ เยือนถิ่นเพื่อนบ้าน)

8.1องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นประเทศที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่จำนวนมากและมีความสวยงามของธรรมชาติ และอีกทั้งมีความโดดเด่นทางด้านเศรษฐกิจ ประเทศนี้จึงเป็นศูนย์กลางทางราชการ เศรษฐกิจและคมนาคมทางอากาศและทะเล การทำธุรกิจของประเทศนี้จะทำกันที่เกาะเซบูเป็นหลัก และที่นี้ยังเป็นปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวเกาหลีใต้ ชาวญี่ปุ่นและชาวจีน
8.2สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
        จะเรียนรู้วัฒนธรรมความโดดเด่นของประเทศฟิลิปปินส์
8.3ข้อคิดที่ได้
        นำความรู้ที่ได้รับจากการศึกษาไปพัฒนาประเทศของตนให้ดียิ่งขึ้น

    9. เรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (เวียดนามเปิดเศรษฐกิจเปิด)

9.1องค์ความรู้ที่ได้
          ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีความโดดเด่นทางเศรษฐกิจ เวียดนามมีนโยบายเปิดตัวเองสู่โลกภายนอกมากขึ้น การเปิดประเทศนี้มุ่งทำให้ เวียดนามเป็นประเทศที่มีความเสรีทางเศรษฐกิจจนถึงปัจจุบัน และหันมามุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ จุดเปลี่ยนสำคัญของเวียดนามคือการตัดสินใจมุ่งพัฒนาประเทศและมีชาวต่างชาติไม่น้อยเลือกเวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ
9.2สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         นำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต
9.3ข้อคิดที่ได้
         การเปิดการเรียนรู้ทางความคิดของประเทศอื่นๆ ให้เป็นเสรี

10. เรื่องร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (จับมือกันพัฒนาทั้งไทย ทั้งพม่า)

10.1องค์ความรู้ที่ได้
         ประเทศไทยกับพม่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี พม่าในยุคนี้สมัยนี้ถือได้ว่าเป็นปลายทางยอดนิยมของคนไทยเลยก็ว่าได้ สาเหตุหลักก็มาจากการนับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน ที่นี้ก็มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งและมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม เหมาะแก่การทำธุรกิจต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ไทยได้ทำข้อตกลงไว้กับพม่าที่มีจุดหมายเดียวกันคือการพัฒนาประเทศ
10.2สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
         ศึกษาการทำข้อตกลงระหว่างไทยกับพม่า ที่มีจุดหมายเดียวกันคือการพัฒนาประเทศ
10.3ข้อคิดที่ได้
         ประเทศจะมีการพัฒนานั้นต้อง มีการพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี

11. เรื่อง ร่วมกันพัฒนาตามประสาเพื่อนบ้าน (ไทย-กัมพูชา)

11.1 องค์ความรู้ที่ได้
        กัมพูชาถือเป็นอีกหนึ่งปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่งโลกหาโอกาสมาเยือน ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจทางการค้า ประเทศกัมพูชาเป็นประเทศที่มีการพัฒนาการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
11.2 สิ่งที่นำไปพัฒนาตนเอง
       เรียนรู้ความเจริญของกัมพูชาและนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาต่อไป
11.3 ข้อคิดที่ได้
       การร่วมมือช่วยกันพัฒนาทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2558

สรุปบทที่ 2  ปรัชญาการศึกษา

           
          ปรัชญาเป็นวิชาที่มุ่งศึกษาค้นคว้าหาความจริง  อันเป็นที่สุดเป็นการศึกษาว่า อะไรคือของจริงแท้    ปรัชญาจะมีความหมายแตกต่างกันออกไปตามสํานักและทัศนะ แต่มีลักษณะร่วม  คือ   เป็นการมุ่งแสวงหาความจริงอันเป็นที่สุด (ultimate reality)เพื่ออธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ   มีศัพท์เฉพาะศาสตร์ที่ใช้สื่อความหมาย ระหว่างกันเป็นการเฉพาะ  มีขอบเขต  4  แขนง คือ  อภิปรัชญา (metaphysics)เป็นปรัชญาที่มุ่งศึกษาและค้นหาเกี่ยวกับภาวะความจริง สูงสุด เป็นความจริงพื้นฐานขั้นสุดท้าย หรือเรียกว่า “ความจริงอันติมะ”  ญาณวิทยา (epistemology)  มุ่งศึกษาที่จะวิเคราะห์หลักหรือทฤษฎีแห่งความรู้ที่มีความสำคัญต่อปรัชญาการศึกษา จะต้องจัดการศึกษาเพื่อให้ผู้เรียนฝึกฝนและค้นหาความรู้และความจริง เกี่ยวกับโลกและชีวิต คุณวิทยา (axiology) ปรัชญาแขนงที่มุ่งวิเคราะห์คุณค่าหรือค่านิยมซึ่งเกี่ยวกับความดี และความงาม  และตรรกวิทยา (logic)ปรัชญาโดยทั่วไปใช้วิธีทางตรรกวิทยา ในการศึกษาค้นคว้าหาความจริง  เป็นการใช้ความคิดอย่างเป็นระบบในการพิสูจน์หาความจริง ตามหลักเหตุผล
         
         ปรัชญาการศึกษา เป็นการแสวงหาความ เข้าใจเรื่องการศึกษาแล้วตีความเป็นความคิดรวบยอด จะนำไปสู่การปฏบัติที่เป็นระบบของการศึกษา  ดังนั้น  ปรัชญาและการศึกษา มีจุดร่วมกัน คือ การกําหนดคุณค่าและรู้จักชีวิตของมนุษย์ ความสัมพันธ์ ระหว่างปรัชญากับการศึกษาว่ามี อยู่  3  ลักษณะ

   1. ปรัชญาเสนอเป้าหมายของการศึกษา ว่าการศึกษาควรเป็นไปเพื่ออะไร
   2.  ปรัชญาวิพากษ์และวิเคราะห์การศึกษา วิพากษ์และวิเคราะห์ สาระและปัญหาของการศึกษา
   3.  เชื่อมโยงศาสตร์ทั้งหลายเกี่ยวกับการศึกษาให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ใช้เป็นแนวทางในการจัดการศึกษา
            การศึกษาของไทยได้อาศัยปรัชญาตะวันตกมาประยุกต์ใช้ และพุทธปรัชญาได้นำหลักการของศาสนาพุทธมาประยุกต์ใช้

  บทที่  3 วิวัฒนาการของการศึกษาไทย

แบบฝึกหัด
1.แนวคิดทางการศึกษาของไทยยุคก่อนมีระบบโรงเรียน มีสาระสำคัญอะไรบ้าง
ตอบ  ยุคนี้การจัดการศึกษายังไม่มีระบบและแบบแผน คือ ไม่มีระบบโรงเรียน และชั้นเรียน วัดเป็นแหล่งให้ความรู้ มีพระภิกษุเป็นผู้สอนเพียงเพื่อประกอบอาชีพ   วิชาความรู้ส่วนใหญ่ที่ถ่ายทอดไม่มีการจดบันทึกไว้ใช้ความสามารถในการท่องจำมากกว่า        

2. สมัยกรุงสุโขทัยกับกรุงศรีอยุธยา การจัดการศึกษาเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรอธิบาย 
ตอบ  เหมือนกัน เพราะยังมีการใช้วัดเพื่อที่จะเป็นศูนย์กลางทางการศึกษา  และยังมีพระภิกษุเป็นผู้ให้ความรู้  ผู้ชายจะเรียนที่วัด เกี่ยวกับ การอ่าน การเขียน การรบ ส่วนผูหญิงเรียนที่บ้าน เกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย

3. อิทธิพลชาวตะวันตกที่มีผลต่อการศึกษายุคก่อนมีระบบโรงเรียนมีอะไรบ้าง 
ตอบ  มีการสอนวิธีรบแบบชาติตะวันตก สอนการต่อเรือ นำตำหรับยามาเผยแพร่  สอนวชิาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส  การก่อสร้าง

4. การจัดการศึกษาสมัยกรุงธนบุรีและสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีความก้าวหน้าอย่างไร
ตอบ  เริ่มนำวิทยาการใหม่ ๆเข้ามา  มีการจัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้นการปฏิรูปการศึกษาของไทยในสมยัต่อมา

5. แบบเรียนเล่มแรกของไทยชื่อ เกิดในสมัยใด ตรงกับรัชกาลใด มีที่มาอย่างไร
ตอบ  ชื่อ “ จินดามณี”  เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประมาณ พ.ศ.2199 – 2231  มีที่มาจากการที่ ฝรั่งเศสได้มาติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนาคริสต์ ตั้งโรงเรียนสอนศาสนาคริสต์ ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทยขึ้นเป็นครั้งแรก และสอนวิชาการแบบยุโรป อาทิ ดาราศาสตร์ ภาษาฝรั่งเศส ต่อเรือ การก่อสร้าง พระองค์เกรงว่าคน ไทยจะหันไปเข้ารีตและนิยมฝรั่ง  ทรงรับสั่งให้พระโหราธิบดี แตงหนังสือแบบเรียนภาษาไทยเป็น ของตนเอง ชื่อ “จินดามณี” ใช้เริ่มอ่านจนกระทั่งหัดเรียนรู้วรรณคดีและอักษรศาสตร์ไทยชั้นสูง

 6. การจัดการศึกษาภาคบังคับ มีลักษณะเป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ  การศึกษานั้นมีสองภาคคือ ภาคการศึกษาสำหรับทวยราษฎร์ ได้แก่ ประถมศึกษา เป็นการศึกษาภาคบังคับ มีความรู้ทั้งฝ่ายสามัญศึกษาและวิสามัญศึกษา  และภาคศึกษาพิเศษ เรียกว่ามัธยมศึกษา เรียนทั้งสามัญและวิสามัญ ไม่บังคับให้เรียนทุกคน

 7. การจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา เป็นอย่างไร จงอธิบาย ยกเหตุผล
ตอบ  การศึกษามีศูนย์กลางอยู่ที่วัดเหมือนสมัยอยุธยา ซึ่งการจัดการศึกษาที่เรียกว่า มาติกาศึกษา มีอยู่ 8 มาติกา คือ
  1 ตำบลที่เล่าเรียนคือที่ตั้งของวัด
  2 โรงเรียนคือ ที่เรียนในวัด เช่น หอฉัน หอสวดมนต์
  3 นักเรียนและครู มี 3 ประเภทคือ ภิกษุ สามเณร และศิษย์วัด
  4 เวลาเรียนคือ ตอนพระว่าง
  5 เครื่องเล่าเรียนคือ กระดานชนวน ดินสอพอ กระดาษข่ายเป็นต้น
  6 วิชาหนังสือคือ หนังสือเรียนและหนังสืออ่านประกอบ
  7 วิชาเลขคือ เลขคณิตวิธีต่าง ๆ
  8 ข้อบังคับการเรียนคือ ระเบียบวินัย การลงโทษ และการชมเชย

8. การจัดการศึกษาที่มุ่งคนเข้ารับราชการตรงกับสมัยใด จงอธิบาย ยกเหตุผล  
ตอบ  รัชกาลที่ 5 เพราะ จะได้ทัดเทียมประเทศอื่นเพื่อที่จะไม่ล้าหลัง และเป็นการป้องกันการล่าอาณานิคมจากชาติตะวันตก

9. การปฏิรูปการศึกษาในยุคปัจจุบันท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย ยกเหตุผล 
ตอบ  เห็นด้วย เพราะ ปัจจุบัน มีสื่อต่างๆและเทคโนโลยีต่างๆ มากมาย ทำให้ง่ายและเอื้ออำนวยความสะดวกในการศึกษาค้นคว้า  เป็นการเสริมสร้างความรู้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ประโยชน์ และการนำไปใช้ให้ได้ถูกทางตามความเหมาะสม

10. ท่านเข้าใจการจัดการศึกษาเข้าสู่สมาคมอาเซียน มียุทธศาสตร์ที่สำคัญอย่างไร
ตอบ  มียุทธศาสตร์ที่สำคัญ  คือ การเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน  พัฒนาศักยภาพของนักการศึกษา ครู และ บุคลากรทางการศึกษา  เพิ่มคุณภาพการศึกษา การจัดมาตรฐานการศึกษา การศึกษาตลอดชีวิตและการพัฒนาวิชาชีพครู  จัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานและสภาพเศรษฐกิจของยุคโลกาภิวัตน์   เพื่อพัฒนา การศึกษา  สนับสนุนการศึกษาเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อม


        สรุป  

บทที่ 3 วิวัฒนาการการจัดการศึกษาไทย

            วิวัฒนาการการจัดการศึกษาไทย ได้บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทยแต่ละยุค แต่ละสมัย  ซึ่งเราต้องศึกษาประวัติและวิวัฒนาการศึกษาของไทยที่ผ่านมา เพื่อที่จะเข้าถึงการ เปลี่ยนแปลงที่สำคัญ โดยแบ่งเป็นแนวคิดการจัดการศึกษาไทย   สมัยต่างๆ ดังนี้
                                 
   1.) การศึกษาไทยยุคสมัยโบราณ จัดการศึกษาที่ไม่มีระบบและแบบแผน
   2.) การจัดการศึกษาสมยักรุงศรีอยุธยา มีจตุสดมภ์ 4 คือ เวียง วัง คลัง นา มีระบบศักดินา และการจัดการศึกษาที่วัด และบ้าน  ได้ติดต่อกับฝรั่งชาติตะวันตก ค้าขายและเผยแพร่ศาสนา ประดิษฐ์ตัวพิมพ์อักษรไทย ขึ้นเป็นครั้งแรกรับวชิาการแบบยุโรป และแต่งแบบเรียนคือ จินดามณี เล่มแรกของไทย  
   3.) การจัดการศึกษาในสมัยกรุงธนบุรี และรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการเปลี่ยนแปลงไม่เด่นชัด เริ่มนำวิทยาการใหม่ ๆ จัดพิมพ์ตำราเรียน เป็นจุดเริ่มต้น การปฏิรูปการศึกษาไทย
   4.) สมัยการปฏิรูป  สมัยนี้การจัดการศึกษาไทย  จัดขึ้นเพื่อความอยู่รอดปฏิรูปอย่างเป็นระบบตามแบบแผน   การจัดการศึกษาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
   5.) ยุคเริ่มแรกของการจัดศึกษาไทย:  เป็นก้าวแรกของการจัดการศึกษาเป็นรูปแบบที่ชัดเจน คือ “โรงเรียน” และกระทรวงศึกษาธิการทำหน้าที่จัดการศึกษา ประกอบกับมีพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับสําหรับราษฎรทุกคนทุกพื้นที่
   6.) ยุคขยายงานของการศึกษาไทย : ก้าวทสี่อง  ประเทศตกอยู่ในภาวะสงคราม ภายหลังได้มีการเร่งรัดปรับปรุง การศึกษาให้มีความเจริญก้าวหน้าทุก ๆ ด้าน
   7.) ยุคแสวงหา การจดัการศึกษาได้รับความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ  มุ่งพัฒนาคนได้ จัดการศึกษาภาคบังคับให้ทั่วถึง
   8.) ยุคแห่งความหวังของการปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ปฏิรูป  3 ระยะคือ จัดตั้งศูนยป์ฏิรูปการศึกษา เปลี่ยนสำนักปฏิรูปเป็นสำนักงานโครงการนำร่อง และประกาศเขตพื้นที่การศึกษา อีกทั้งปฏิรูปครู และบุคลากรทางการศึกษา
   9.) การจัดการศึกษาเตรียมเข้าสู่สมาคมอาเซียน กําหนดยุทธศาสตร์ที่สําคญัคือ สร้างความ ตระหนัก หลักสูตรระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เตรียมบุคลากรครูและนักเรียนเพื่อรองรับ และขยายโอกาสทางการศึกษา



วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ปรัชญาการศึกษา

คำถามทบทวน
1.การจัดการศึกษาที่ไม่มีปรัชญาเป็นแนวทางท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ ไม่เห็นด้วย เพราะการศึกษานั้นต้องมีควบคู่กับปรัชญา เพื่อเป็นเเนวทางในการคิดเเละวิเคราะห์ให้เกิดองค์ความรู้ใหม่ๆที่มีผลต่อการพํฒนาของมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2.ปรัชญากับการศึกษาท่านคิดว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ มีความสัมพันธ์กัน เพราะปรัชญาจะเป็นเเนวทางให้เกิดองค์ความรู้ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้

3.จงวิเคราะห์การจัดการศึกษาของโรงเรียนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวกับ หลักสูตร การจัดการเรียนการสอนและการบริการทางการศึกษา ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ดำเนินการตามแนวคิดการศึกษาของปรัชญาจิตนิยม วัตถุนิยม ประสบการณ์นิยม อัตภาวนิยม
ตอบ ปรัชญาจิตนิยมจะเน้นการพัฒนาความคิดและจิตใจ โดยอาศัยกิจกรรมเป็นสื่อกลาง เช่น การจัดเเข่งขันเต้นหรือร้องเพลง เป็นต้น ปรัชญาวัตถุนิยมจะเน้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้และคุ้ยเคยกับสิ่งเเวดล้อมที่อยู่รอบตัว โดยอาศัยการรับรู้ทางประสาทสัมผัส  ปรัชญาประสบการณ์นิยมจะเน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากการทำกิจกรรมด้วยกระบวนการที่เหมาะสม และปรัชญาอัตภาวนิยมจะเน้นให้ผูเรียนสามารถเลือกรูปแบบการเรียนได้อย่างเสรีและอิสระไม่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ

4.จงบอกหลักการของปรัชญากลุ่มอนุรักษ์นิยมคือ สารัตถนิยม และนิรันดรนิยม เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน เพราะสารัตถนิยมจะเน้นการถ่ายทอดวัฒนธรรมและค่านิยม เน้นระเบียบวินัย  เน้นแบบแผนประเพณีมากกว่า  ในขณะที่นิรันตรนิยมจะเน้นเรื่องของเหตุผลและสติปัญญามากเป็นพิเศษ

5.จงบอกหลักการของปรัชญากลุ่มเสรีนิยม(liber view) คือ พิพัฒนาการนิยม (progressive) และปฏิรูปนิยม(reconstructionism) เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน เพราะ พิพัฒนาการนิยมจะเน้นพัฒนาผูเรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ
และสติปัญญา ส่วนปฏิรูปนิยมเน้นการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน

6.จงอธิบายว่า ความดี ความงาม เป็นสิ่งที่วัดได้หรือไม่ จงอธิบาย
ตอบ  วัดได้  เพราะความดีคือสิ่งที่กระทำออกมาทั้งด้านร่างกาย คือการกระทำ และจิตใจคือความคิดที่เรากระทำหรือแสดงออกมาเป็นผลทางด้านบวกก่อให้เกิดความสุขทั้งกับตัวเราผู้อื่น  เมื่อเราทำดีก็จะเกิดความงามขึ้น  ทั้งนี้ก็ต้องดูจากการกระทำของแต่ละบุคคลด้วย

7.จงเขียนเรียงความเรื่อง โลกทัศน์ของข้าพเจ้าที่มีต่ออาชีพครู
ตอบ         ปัจจุบันคนเรามักจะไม่เห็นความสำคัญของวิชาชีพครู  คิดว่าการประกอบอาชีพเป็นครูนั้นเชย ล้าสมัย ดูแล้วน่าเบื่อ ประกอบกับสังคมปัจจุบันที่พัฒนาขึ้น นำสมัยขึ้น คนส่วนมาก จึงหันไปประกอบอาชีพอื่นที่ดูโก้มากกว่า โดยมองข้ามความสำคัญของวิชาชีพครูไป
                 แต่แท้ที่จริงแล้ว อาชีพครูนั้นถือว่าสำคัญ เพราะถ้าไม่มีครูที่คอยเป็นคนสอน ก็จะไม่สามารถมีอาชีพนั้นๆขึ้นมาได้  โดยส่วนตัวของดิฉัน ดิฉันคิดว่า ครู คือ “ผู้อุทิศตน”  ที่คิดอย่างนี้ก็เพราะครูนั้นมีความอดทนมานะพากเพียร  แม้จะเป็นอาชีพที่เงินเดือนน้อยแต่ก็มีภูมิฐานในตนเอง  ครูต้องคอยอบรมดูแลศิษย์  บางครั้งตรงไหนที่ไม่เข้าใจครูก็จะพยายามสอนจนเราเข้าใจ พยายามหาแนวทางมาแก้ไขส่วนบกพร่องให้  ต้องอดทนกับศิษย์ที่มีนิสัยแตกต่างกันไป  รวมไปถึงการร่วมพัฒนาสังคมและเป็นพ่อแม่คนที่ 2 ที่ช่วยแก้ปัญหาเวลาที่ศิษย์มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ
               ทุกอาพีพล้วนมีความสำคัญทั้งนั้น แต่มีหน้าที่และบทบาทต่างกันออกไป  ดังนั้น  อาชีพครูจึงเป็นอาชีพที่มีบทบาทมาก เห็นได้จากงานและการอุทิศตนของครูในการทำสิ่งต่างๆ

8.ท่านคิดว่าปรัชญาตะวันตกที่เหมาะสมใช้เป็นแนวทางการจัดการศึกษาของไทยมากที่สุด จงอธิบาย
ตอบ ปรัชญาปฏิรูปนิยม เพราะเป็นปรัชญาที่มุ่งปฏิบัติและพัฒนาให้โรงเรียนมีบทบาทในการปฏิรูป
สังคมเพื่อใช้การศึกษาสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียบกันทุกด้านสร้างระเบียบสังคมใหม่สอดคล้องกับสภาพสังคม และเศรษฐกิจของโลกยุคปัจจุบัน สังคมใหม่จะเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง

9.ท่านคิดว่า พุทธปรัชญาจะมาพัฒนาการศึกษาของไทยได้หรือไม่ จงอธิบาย
ตอบ ได้  เพราะจะช่วยให้เรามีสติ มีความคิดที่เป็นเหตุผลช่วยขลัดเกลาจิตใจ  นำไปสู่การพัฒนา

10.ท่านคิดว่าปรัชญาที่จัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ จงบอกชื่อและอธิบายการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ มีวิธีการจัดอย่างไร อธิบายยกตัวอย่าง
ตอบ ปรัชญาปฏิรูปนิยม สอนให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงใน ชีวิตจริงของผู้เรียน สร้างศีลธรรม ทางสังคม  สร้างความเสมอภาคและความเป็นธรรม ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ และมีทักษะที่ดี  สร้างสิ่งใหม่ๆ





วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษา

แบบฝึกหัด

1.จงประมวลความหมายของคำว่า "การศึกษา 5 นิยาม"
ตอบ 1. ยัง ยัคส์  รุสโซ  (Jean Jacques  Rousseau)  ได้ให้ความหมายของการศึกษาไว้ว่า การศึกษา คือ การปรับปรุงคนให้เหมาะกับโอกาสและสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปหรืออาจกล่าวได้ว่า การศึกษา คือการนำความสามารถในตัวบุคคลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
        2. โจฮัน เฟรดเดอริค  แฮร์บาร์ต   (John   Friedich   Herbart)  ให้ความหมายของการศึกษาว่า การศึกษาคือ  การทำพลเมืองให้มีความประพฤติดี  และมีอุปนิสัยที่ดีงาม
        3. เฟรด  ดเอริค  เฟรอเบล  (Friedrich  Froebel)  การศึกษา  หมายถึง  การพัฒนาบุคลิกภาพของ เด็กเพื่อให้เด็กพัฒนาตนเอง
        4. ม.ล.ปิ่น มาลากุล   การศึกษาเป็นเครื่องหมายที่ทำให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวบุคคล
        5. ดร. สาโช  บัวศรี  การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคคลและสังคมที่ทำให้คนได้มีการเรียนรู้ แลt  พัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม

2.คำว่า การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ ท่านเห็นด้วยหรือไม่ จงอธิบาย
ตอบ เห็นด้วย เพราะการศึกษาสามารถขัดเกลาความคิดและจิตใจของคนได้ ซึ่งการศึกษานั้นสามารถเกิดได้ทุกที่ ทุกเวลา ตั้งเเต่เราเกิดมา จนถึงปัจจุบัน จึงสามารถกล่าวได้ว่า " การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้ "

3.ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาวิชาชีพครู จงให้นิยามการศึกษาตามความคิดเห็นของท่าน
ตอบ นิยามของการศึกษาในความคิดของดิฉันคือ " การศึกษาคือการแสวงหาความรู้ในทุกๆ เรื่อง  ไม่ใช่เพียงแต่ในห้องเรียนเท่านั้น เเต่รวมไปถึงประสบการณ์ การดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วย ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นตัวช่วยในการพัฒนาศักยภาพของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น

4.ความมุ่งหมายทั่วไปและความมุ่งเฉพาะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ แตกต่างกัน เพราะความมุ่งหมายทั่วไปเป็นความมุ่งหมายที่กว้างกว่าความมุ่งหมายเฉพาะ จึงทำให้ครอบคลุมมากกว่า ส่วนความมุ่งหมายเฉพาะนั้นจะเน้นเรื่องๆ ไป

5.ความมุ่งหมายคืออะไร ความมุ่งหมายการศึกษาระดับชาติ ความมุ่งหมายการศึกษาแต่ละระดับความมุ่งหมายระดับหลักสูตรและความมุ่งหมายระดับหมวด และความมุ่งหมายระดับการสอนมีความสัมพันธ์หรือแตกต่างกันอย่างไร
ตอบ ความมุ่งหมาย คือสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นจุดเริ่มต้นในการทำสิ่งต่างๆ และความมุ่งหมายของทุกระดับจะมีความสัมพันธ์กัน เพื่อจะให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ

6.องค์ประกอบที่ใช้กำหนดความมุ่งหมายของการศึกษามีอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ 1.ปรัชญาการศึกษา เป็นแนวทางที่กำหนดตามความมุ่งหมายและกำหนดทิศทางให้
การศึกษาดำเนินการตามปรัชญา
        2.จิตวิทยาการศึกษา ต้องคำนึงถึงความเจริญเติบโตและพัฒนาการของผู้เรียนในทุกๆด้าน
        3. การจัดการศึกษาเพื่อตอบสนองความต้องการของสังคม เพื่อให้บุคคลสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและการดำเนินชีวิตในสภาพสังคมปัจจุบันได้ที่ยุ่งวุ่นวายได้
       4.บริบทของชุมชน เป็นตัวกำหนดการเรียนรู้ของบุคคลโดยคำนึงถึงการเรียนรู้ และหน้าที่ให้สอดคล้องกับทรัพยากรในท้องถิ่นนั้นๆ
       5.ต่างประเทศที่มีความสัมพันธ์กัน การพัฒนาประเทศได้ต้องควบคู่กับการจัดการศึกษาของประเทศ ซึ้งเราควรจะศึกษาของประเทศอื่นด้วย แล้วนำกลับมาปรับใช้กับตัวเราเอง
       6.เทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์กับการเรียนทำให้สะดวกรวดเร็วต่อการจัดการเรียน การสอนมากยิ่งขึ้น และสามารถประหยัดเวลาเวลาได้อีกด้วย เหมาะสำหรับสังคมในปัจจุบันซึ่งเป็นสังคมที่เร่งรีบ

7.ทำไมการจัดการศึกษาไทยสมัยต่างๆจึงต้องกำหนดความมุ่งหมายการศึกษา ที่จะบ่งบอกความเป็นมาของการศึกษาไทยได้หรือไม่อย่างไร จงอธิบาย
ตอบ  ได้ เพราะการจัดการศึกษาไทยสมัยต่างๆจะมีการพัฒนาที่แตกต่างตามสมัยนั้นๆโดยการศึกษาในสมัยก่อน ผู้ชายส่วนใหญ่จะรู้หนังสือมากกว่าผู้หญิง  แต่ปัจจุบันผู้หญิงและผู้ชายมีความรู้ที่เท่าเทียมกัน อยู่ที่ว่าใครจะรักในการเเสวงมากกว๋า ซึ้งปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีมากมายที่อำนวยต่อการเเสวงหาความรู้ ทั้งสะดวก และประหยัดเวลา แต่ก็มีโทษเหมือนกัน

8.ในฐานะที่ท่านเป็นนักศึกษาวิชาชีพครู ท่านคิดว่าการมีการศึกษามีความสำคัญต่อประเทศอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ  มีความสำคัญมาก เพราะการศึกษาเป็นตัวพัฒนาศักยภาพของคนในสังคม ให้มีความคิด และจิตใจที่สูงชึ้น และสังคมก็จะอยู่แบบมีความสุข

9.แนวคิดพุทธทาสภิกขุ ได้กล่าวว่า การศึกษาเพื่อมนุษย์จะมีโอกาสได้สิ่งที่ดีที่สุด สิ่งที่มนุษย์ควรจะได้โดยการทำลายซึ่งสัญชาตญาณอย่างสัตว์ แล้วมีการประพฤติกระทำอย่างมนุษย์ที่มีจิตใจสูงโดยสมบูรณ์ และสิ่งที่ดีที่สุดตามหลักศาสนาพุทธที่ว่า กินอยู่อย่างพอดี อย่ากินส่วนเกินอย่าใช้ส่วนเกินเพื่อจะให้เป็นไปได้อะไรอีกอันหนึ่งซึ่งสูงสุดเรียกว่า "บรมธรรม"และการศึกษาเพื่อธรรมาธิปไตยและเป็นเรื่องคนมีปัญญา ต้องมีปัญญาแท้จริงสูงสุด เห็นด้วยหรือไม่อย่างไรจงอธิบาย
ตอบ เห็นด้วย เพราะการศึกษาเป็นตัวยกระดับจิตใจของผู้คน เมื่อเราได้รับการศึกษาแล้วเราก็จะสามารถนำไปใช้ในทางที่ดี ที่ควรได้

10.แนวคิดของนักการศึกษาไทยที่ท่านชื่นชอบมากที่สุด 1 ท่าน แสดงทัศนะของท่านต่อแนวคิดการจัดการศึกษาไทย
ตอบ  ดร. สาโช  บัวศรี  การศึกษา หมายถึง การพัฒนาบุคคลและสังคมที่ทำให้คนได้มีการเรียนรู้ และพัฒนาขึ้นไปสู่ความเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม





วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

                         

                             ประวัติส่วนตัว

ชื่อ : นางสาวพิมลรัตน์   พิบูลย์ 
ชื่อเล่น : เฟีย
รหัสประจำตัวนักศึกษา : 5881103024
คณะ : ครุศาสตร์
สาขาวิชา : คณิตศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
วันเกิด : 2 กันยายน 2539
กรุ๊ปเลือด : บี
ที่อยู่ : 32/4  ม.12   ต.หินตก  อ.ร่อนพิบูลย์  
จ.นครศรีธรรมราช
งานอดิเรก : วาดรูป
เบอร์ติดต่อ : 0822166186 / 0612232960

ปรัชญาชีวิต

ทำทุกอย่างให้เต็มที่ ให้ดีที่สุด เพี่อคนที่เรารัก

การศึกษา

                        ประถมศึกษาชั้นปีที่1-6 : โรงเรียนวัดธาราวง                                  
มัธยมศึกษาชั้นปีที่1-6 : โรงเรียนคีรีราษฏร์พัฒนา                         ปัจจุบัน : กำลังศึกษาคณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์              มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช

        ทำไมจึงอยากเรียนครู??

อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ
และที่สำคัญเป็นอาชีพทีพ่อเเละแม่ของดิฉัน อยากให้ดิฉันเป็น
พวกท่านเล็งเห็นเเล้วว่า อาชีพนี้เหมาะกับดิฉัน
และดิฉันก็รักในอาชีพนี้ด้วย นั้นจึงเป็นสาเหตุให้ดิฉันเรียน ครู

สิ่งที่อยากทำในอนาคต

เมื่อเรียนจบเเล้ว อันดับเเรกดิฉันจะต้องมีงานทำ และมีเงิน เพื่อตอบเเทนพระคุณพ่อและเเม่ที่คอยเลี้ยงดูส่งเสียดิฉันมาตลอด  เเละถ้ามีโอกาสดิฉันก็จะกลับไปสอนเเละพัฒนาโรงเรียนที่ดิฉันจบมา

สิ่งที่ชอบเเละไม่ชอบ

สิ่งที่ชอบ :
              
                  1. ชอบสีชมพู
                  2. ตุ๊กตาหมี คิดตี้ อื่นๆๆ
                  3. ชอบเลี้ยงหมา
                  4. ชอบวาดรูป 
                  5. ชอบกินอาหารฝีมือแม่
                  6. ชอบกินผลไม้บนสวนพ่อ
                  7. ชอบทำอะไรแปลกๆๆที่คนอื่นเขาไม่ทำ
สิ่งที่ไม่ชอบ
                  1. กล้วยสุก
                  2. ไม่ชอบใส่เสื้อสีโอรส